ทุกวันนี้เชื่อว่าใคร ๆ ต่างก็มีข้อสงสัยว่า บล็อกเชน (Blockchain) ที่เป็นระบบกระจายศูนย์กลางข้อมูล (Decentralized) นั้น แตกต่างออกไปจากระบบการเก็บข้อมูลแบบเดิมๆ ที่มีการรวมศูนย์กลางข้อมูล (Centralized) อย่างไร และระบบแบบ Decentralized นั้นจะทำให้โดยรวมพัฒนาขึ้นได้อย่างไร หรือข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับระบบแต่ละรูปแบบกัน
มาเริ่มกันที่ระบบ Centralized คือ ระบบที่มีศูนย์กลางสำหรับดูแลข้อมูล มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่เก็บข้อมูลทั้งหมด ทำให้มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
เช่น ระบบธนาคารที่ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ ก็จะมีเซิร์ฟเวอร์หลักเป็นเหมือนตู้เซฟสำหรับเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมของธนาคารทั้งหมด ที่อนุญาตให้เพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือรัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้
ทำให้ระบบ Centralized นั้นมีข้อดี คือ ข้อมูลทุกอย่างจะเป็นความลับ สามารถควบคุมข้อมูลได้ง่าย
แต่ก็ยังมีข้อเสีย คือ เมื่อข้อมูลเป็นความลับจึงอาจจะไม่มีความโปร่งใสได้ หากมีปัญหากับระบบหลักจะทำให้ทั้งระบบพังไปด้วย รวมไปถึงยังทำให้ตกเป็นเป้าของการโจรกรรมข้อมูลอีกด้วย
ในขณะที่ระบบ Decentralized คือ ระบบที่ไม่มีศูนย์กลางสำหรับดูแลข้อมูล เพราะมีการกระจายข้อมูลออกไปสู่ทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องในระบบ ให้ดูแล และตรวจสอบข้อมูลระหว่างกันเอง
เช่น BitTorrent ที่มีการรับส่งไฟล์กันโดยตรงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีระบบเก็บข้อมูลกลาง
ทำให้ระบบ Decentralized มีข้อดี คือ จะมีความโปร่งใสของข้อมูล เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ และระบบจะไม่ล่ม หรือล่มได้ยาก เพราะทุกๆ เครื่องจะถือเป็นเหมือนเซิร์ฟเวอร์ของระบบ รวมไปถึงยังมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะไม่จำเป็นต้องผ่านคนกลางก่อน
แต่ก็มีข้อเสีย คือ ทุกคนในระบบจะต้องเป็นผู้ดูแลข้อมูลกันเอง ทำให้อาจจะเกิดปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ เพราะข้อมูลนั้นจะถือว่าถูกต้องหรือไม่ ก็อยู่ที่ความเชื่อมั่นในข้อมูลนั้นๆ เอง
จะเห็นได้ว่าแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงอยู่ที่ว่าจะนำไปใช้งานในรูปแบบไหนจึงจะเกิดประโยชน์ที่สูงสุด หรือจะทำให้ระบบสามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นไปได้ดีที่สุด บล็อกเชนจึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของระบบแบบ Decentralized ที่สามารถนำไปใช้กับการเก็บข้อมูลได้ทุกชนิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น