วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เทคโนโลยีพื้นฐานของ BlockChain


อย่างที่ได้กล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ว่า เทคโนโลยีพื้นฐานของบล็อกเชนนั้น ประกอบไปด้วยเทคโนโลยี 3 ชนิดที่รวมกัน คราวนี้เราจะมาลงลึกในรายละเอียดกัน ว่าแต่ละเทคโนโลยีนั้นมีการทำงานอย่างไร มาเริ่มกันที่

Identity

ในระบบบล็อกเชนนั้น ตัวตนของผู้ใช้งานในระบบจะไม่ถูกเปิดเผย แม้ว่าข้อมูลในการใช้ระบบจะสามารถตรวจสอบได้ แต่ตัวตนของผู้ใช้งานจะไม่เปิดเผย เพื่อเป็นการปกป้อง และรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วยกันเอง ผ่านเทคโนโลยี private key cryptography
Private key cryptography เป็นระบบการเข้ารหัสข้อมูลเฉพาะของแต่ละคน ซึ่งมีการสร้าง public key หรือ private key ขึ้นมาจาก กลุ่มคำ 12 คำ ที่สุ่มขึ้นมา แล้วสร้างเป็นรหัสที่เป็นกลุ่มตัวเลขออกมาจากกลุ่มคำนั้น เมื่อนำมารวมกันแล้วจะเป็นลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะของแต่ละคน หรือก็คือเป็นเหมือนตัวตนในอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะต้องตัวตนของเราจริง ๆ
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพอย่างง่ายคือ สมมุติว่าระบบบล็อกเชน คือ
เกมๆ หนึ่ง แล้วลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของเราที่ประกอบไปด้วย public key และ private key คือ avatar หรือตัวละครในเกมของเรา ที่เวลาเราไปทำอะไรในเกม คนอื่นในเกม ก็จะรู้แค่ว่าตัวละครนี้ ไปทำอะไร หรือทำอะไรมาบ้าง แต่จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคนนี้คือใครนั่นเอง
เมื่อเป็นระบบที่มีลักษณะดังกล่าว ทำให้นอกจากที่จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของที่แท้จริงแล้ว ยังทำให้ยากต่อการแทรกแซง หรือปลอมแปลงความเป็นเจ้าของอีกด้วย



กลับมาตามคำสัญญา กับเทคโนโลยีพื้นฐานของบล็อกเชนที่ก่อนหน้านี้เราได้ทำความเข้าใจกับ Identity ไปแล้ว หวังว่าจะยังจำได้กันอยู่ คราวนี้มาต่อกันที่เหลืออยู่ นั่นก็คือ

System of Record

ระบบบล็อกเชนนั้นมีการใช้หลักการของความเชื่อมั่นเป็นหลัก โดยการที่ทุกคนในระบบจะมีสำเนาข้อมูลอยู่คนละชุด ดังนั้นจะยึดถือเอาข้อมูลของสำเนาชุดที่เหมือนกันมากที่สุดเป็นหลัก ข้อมูลที่แตกต่างออกไปจะถือว่าไม่เป็นจริง หรือเพื่อเปรียบให้เห็นภาพ คือ
สมมุติว่ามี ต้นไม้ล้ม แล้วมีการถ่ายทอดสดไว้ ต้นไม้ล้มก็คือ ข้อมูลใหม่ที่เปลี่ยนแปลง และการถ่ายทอดสดคือ หลักฐาน หรือชุดข้อมูลที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้นไม้ล้ม ทำให้ระบบยอมรับว่าต้นไม้ล้มจริง แม้ว่าจะไม่รู้สาเหตุของการที่ต้นไม้ล้มก็ตาม
ซึ่งเกิดจากการรวมกันของเทคโนโลยีดังต่อไปนี้
  • Distributed Ledger (DLT) คือ เทคโนโลยีการเก็บชุดข้อมูล (Ledger) แบบกระจายศูนย์ โดยทุกข้อมูลจะมีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบ กล่าวคือทุกคนในระบบจะมีข้อมูลอยู่กันคนละชุด
  • Distributed Consensus คือ เทคโนโลยีการตรวจสอบข้อมูลจากทั้งเครือข่าย โดยก่อนจะมีการอัพเดทข้อมูลใหม่เข้าไปในระบบ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้ใช้เครือข่ายก่อน จึงจะสามารถทำการอัพเดทข้อมูลใหม่ได้
และเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของบล็อกเชนชนิดสุดท้ายนั่นคือ

Protocols

บล็อกเชนก็เหมือนกับทุกๆ ระบบที่มีอยู่บนโลกนี้ คือ ต้องการกฏ หรือข้อบังคับใช้กำกับอยู่ เพื่อให้ทุกๆ คนในระบบอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ในกรณีของบล็อกเชนก็ต้องมีการกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
  • วิธีการเชื่อมต่อกันของข้อมูลว่าต้องการให้แต่ละบล็อกเชื่อมต่อกันแบบไหน เช่น บล็อกเชนของ Bitcoin เชื่อมกันแบบเรียงเป็นเส้นเดี่ยว เป็นต้น
  • วิธีการตรวจสอบ และยืนยันข้อมูลว่าต้องการให้เป็นรูปแบบใด เช่น บล็อกเชนของ Bitcoin ใช้รูปแบบของการแข่งขันกันตรวจสอบ และยืนยันข้อมูล (Proof of work)
เมื่อนำเทคโนโลยีทั้งสองข้างต้น และอีกหนึ่งในบทความก่อนหน้านี้มาใช้ร่วมกันจึงกลายเป็นพื้นฐานของระบบบล็อกเชนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น